พะยูน
พะยูน
ลักษณะและรูปร่างโดยทั่วไปของพะยูน
รูปร่างลำตัว : พะยูนจะมีลักษณะลำตัวคล้ายโลมาแต่ไม่มีครีบหลัง ลักษณะรูปร่างอ้วน ลำตัวเป็นรูปกระสวยเรียวทั้งส่วนหัวและส่วนหางทำให้ช่วยในการเคลื่อนที่ในน้ำได้สะดวก
ความยาว : ความยาวลำตัวของพะยูนจะวัดจากปลายสุดของริมฝีปากถึงกลางแพนหางโดยทั่วไปมีความยาวประมาณ 2.2-3.5 เมตร ขนาดวัดรอบอกประมาณ 1.6-2.5 เมตร ขนาดของลูกพะยูนแรกเกิดจะมีความยาวลำตัวประมาณ 1 เมตร
น้ำหนัก : พะยูนที่พบโดยทั่วไปมีน้ำหนักประมาณ 200-900 กิโลกรัม ลูกพะยูนแรกเกิดจะมีน้ำหนักประมาณ 15-20 กิโลกรัม
ผิวหนัง : ผิวหนังของพะยูนหนามากและมีเส้นขนหยาบแข็งลักษณะเป็นเส้นสั้นๆขึ้นกระจายอยู่ทั่วลำตัวเช่นเดียวกับหนังของช้าง เส้นขนจะรวมกันเป็นกระจุกรอบๆปากทางด้านล่างขนรอบปากมีส่วนช่วยในการรับความรู้สึกขณะที่พะยูนหาอาหารและอาจใช้ค้นหาหรือคัดเลือกอาหารด้วย
สีผิว : พะยูนมีผิวสีน้ำตาลปนเทา บริเวณด้านบนของลำตัวเช่น หัว คอ ด้านบนของขาคู่หน้าและแพนหางจะมีสีเข้มกว่าทางด้านล่าง
ตา : ตาพะยูนมีขนาดเล็กอยู่ 2 ข้างของส่วนหัว สามารถรับภาพได้ดีทั้งในน้ำและบนบก ตลอดจนสามารถมองเห็นได้ดีในขณะที่มีแสงน้อย พะยูนมีหนังตาบางๆเปิดปิดได้ เมื่อพะยูนอยู่เหนือน้ำนานๆจะขับเกลือแร่ออกจากร่างกายเพื่อรักษาระดับความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย โดยเกลือแร่ส่วนเกินจะถูกขับออกมาในรูปของน้ำเมือกออกมาทางลูกตา จึงคล้ายกับพะยูนมีการร้องไห้เมื่อถูกจับได้
หู : หูของพะยูนมีขนาดเล็กและไม่มีใบหู มีลักษณะเป็นรูเปิดเล็กๆอยู่ 2 ข้างของหัวหลังลูกตา หูพะยูนสามารถรับเสียงได้ดีเมื่ออยู่ใต้น้ำ ซึ่งพะยูนเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีการติดต่อสื่อสารกันใต้น้ำ
จมูก : จมูกของพะยูนอยู่ปลายสุดทางส่วนบนของหัวมีจำนวน 2 รู รูเปิดของจมูกมีแผ่นเยื้อหนาเปิดและปิดได้สนิทเมื่อดำอยู่ใต้น้ำ รูจมูกจะถูกปิดขณะดำน้ำและเปิดออกเมื่อโผล่ขึ้นมาหายใจ ในขณะที่พะยูนโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือน้ำจะโผล่เพียงส่วนจมูก ลำตัวส่วนอื่นๆจะจมอยู่ใต้น้ำตลอดเวลา ตำแหน่งของรูจมูกจะช่วยให้พะยูนโผล่ขึ้นมาเฉพาะส่วนบนของหัวเท่านั้น การหายใจใช้เวลาเร็วมากเวลาโผล่ขึ้นมาพ่นอากาศออกและสูดอากาศใหม่เข้าไปจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติของ Haemoglobin ในเซลเม็ดเลือดแดงของพะยูนพบว่ามีคุณสมบัติพิเศษในการดึงเอาออกซิเจนได้อย่างรวดเร็ว พบว่าพะยูนจะมีปัญหายุ่งยากในการหายใจเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในทะเลที่มีคลื่นลมแรง เพราะพะยูนโผล่ส่วนหัวขึ้นมาหายใจจากน้ำเพียง 3 – 4 เซนติเมตรคลื่นจะทำให้พะยูนพยายามโผล่ขึ้นมามากกว่านั้นเพื่อไม่ให้สำลักน้ำทะเลเวลาหายใจพะยูนจึงต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิม ในออสเตรเลียมีนักวิทยาศาสตร์เคยวัดเวลาดำน้ำนานที่สุดของพะยูนที่นำมาเลี้ยงคือ 8 นาที 26 วินาที ในทะเลเวลาดำน้ำเฉลี่ยประมาณ 1 นาที 30 วินาทีและเคยวัดเวลาที่ดำน้ำนานที่สุดในทะเลประมาณ 6 นาที 40 วินาที
ปาก : ปากของพะยูนจะอยู่ทางด้านล่างของส่วนหน้า ริมฝีปากบนเป็นก้อนเนื้อใหญ่และหนาลักษณะเป็นเหลี่ยมทู่ๆคล้ายจมูกหมู (snout) กล้ามเนื้อสามารถบังคับได้ดี ใช้ช่วยในการรวบหญ้าเข้าปากในการกินอาหารได้ดีเยี่ยม เพดานปากล่างมีลักษณะพิเศษเป็นแท่งกระดูกอ่อนหุ้มด้วยเนื้อเยื่อนิ่ม ช่วยในการขุดไถดินทรายเพื่อกินหญ้าทะเล
ฟัน : ฟันของพะยูนมีจำนวนเท่ากันและมีลักษณะเหมือนกันทั้งขากรรไกรบนและล่าง แต่จะมีฟันลักษณะคล้ายงาอยู่ตรงปลายหน้าสุดเฉพาะขากรรไกรบน จะมี 2 คู่ในวัยเด็กคู่นอกเล็กกว่าและถูกย่อยสลายไปเมื่อพะยูนมีอายุมากขึ้น คู่ที่เหลือจะโตขึ้นเรียกว่างา จะงอกโผล่ออกมาในพะยูนเพศผู้ที่มีอายุมากๆส่วนเพศเมียจะยังคงฝังอยู่ใต้แผ่นหนัง ฟันที่ขากรรไกรของพะยูนจะขึ้นไม่พร้อมกัน ชุดแรกพบในพะยูนวัยเด็กและสึกกร่อนไปเมื่อโตขึ้น ถัดไปเป็นฟันบด (Premolar) อีก 3 คู่ ฟันบดคู่หน้าจะสึกกร่อนไปและหลุดร่วงไป ฟันบดคู่ในจะขยายเป็นฟันกรามและฟันกรามคู่ที่ 1 เริ่มงอกอยู่ในสุดของขากรรไกร พะยูนที่อายุมากๆฟันกรามคู่ที่ 4 และคู่ที่ 1 จะหลุดร่วงหรือสลายไปเหลือเพียงฟันกรามคู่ที่ 2 และ 3 เพียง 2 คู่เท่านั้น ดังนั้นพะยูนที่มีอายุน้อยจะมีฟัน 4-5 คู่ พะยูนขนาดกลางจะมีฟันอยู่ 3 คู่และในพะยูนที่มีขนาดใหญ่อายุมากๆจะมีฟันอยู่เพียง 2 คู่เท่านั้น
ขาพะยูน : ขาคู่หน้าแต่ละข้างมี 5 นิ้ว พัฒนารูปร่างเรียงติดกันมีลักษณะคล้ายใบพายและไม่มีขาหลัง ขาคู่หน้าของพะยูนไม่ได้ช่วยในการว่ายน้ำมากนัก ขณะที่พะยูนว่ายน้ำเร็วๆขาคู่หน้าจะแนบติดไปกับด้านข้างของลำตัว แต่ขาคู่หน้าส่วนใหญ่จะใช้ในการพุ้ยน้ำเวลาว่ายน้ำหรือใช้เดินแทนเท้าขณะคืบคลานไปตามพื้นเพื่อหาอาหารและทำหน้าที่กอบอาหารเข้าปาก ขาคู่หน้ายาวประมาณ 0.35 – 0.45 เมตร
เต้านม : เต้านมและหัวนมของพะยูนจะอยู่ตรงโคนขาคู่หน้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะพบได้ทั้งพะยูนเพศผู้และพะยูนเพศเมีย ในเพศเมียขณะที่ยังตัวเล็กอยู่หัวนมจะมีลักษณะเป็นติ่งเล็กๆและเมื่อพะยูนมีลูกอ่อนเต้านมและหัวนมจะขยายใหญ่ขึ้น
อวัยวะเพศ : เป็นการยากที่จะจำแนกเพศของพะยูนจากการดูอวัยวะเพศ เนื่องจากอวัยวะเพศของพะยูนเพศผู้จะซ่อนอยู่ภายในลำตัว แต่สามารถสังเกตได้จากระยะห่างระหว่างช่องก้นกับช่องเพศ โดยพะยูนเพศผู้ระยะห่างระหว่างช่องก้นกับช่องเพศจะอยู่ห่างกัน ส่วนในเพศเมียช่องก้นกับช่องเพศจะอยู่ชิดกันมาก นอกจากนั้นสามารถสังเกตได้จากลักษณะของเต้านมที่มีขนาดใหญ่และหัวนมยื่นยาวในพะยูนเพศเมียที่มีอายุมากๆหรือกำลังมีลูกอ่อน
แพนหาง : แพนหางของพะยูนแบนหกว้างแยกออกเป็น 2 แฉก ขนานกับพื้นในแนวราบ แพนหางไม่มีโครงกระดูกจะประกอบด้วยแผงกล้ามเนื้อและเอ็นยึดที่แข็งแรงใช้โบกขึ้นลงเพื่อว่ายน้ำเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ขนาดของแพนหางกว้างประมาณ 0.75-0.85 เมตร ลักษณะรูปร่างทั่วไปของพะยูน
ความแตกต่างระหว่างพะยูนกับมานาที?
รูปร่างลำตัว : พะยูนจะมีลักษณะลำตัวคล้ายโลมาแต่ไม่มีครีบหลัง ลักษณะรูปร่างอ้วน ลำตัวเป็นรูปกระสวยเรียวทั้งส่วนหัวและส่วนหางทำให้ช่วยในการเคลื่อนที่ในน้ำได้สะดวก
ความยาว : ความยาวลำตัวของพะยูนจะวัดจากปลายสุดของริมฝีปากถึงกลางแพนหางโดยทั่วไปมีความยาวประมาณ 2.2-3.5 เมตร ขนาดวัดรอบอกประมาณ 1.6-2.5 เมตร ขนาดของลูกพะยูนแรกเกิดจะมีความยาวลำตัวประมาณ 1 เมตร
น้ำหนัก : พะยูนที่พบโดยทั่วไปมีน้ำหนักประมาณ 200-900 กิโลกรัม ลูกพะยูนแรกเกิดจะมีน้ำหนักประมาณ 15-20 กิโลกรัม
ผิวหนัง : ผิวหนังของพะยูนหนามากและมีเส้นขนหยาบแข็งลักษณะเป็นเส้นสั้นๆขึ้นกระจายอยู่ทั่วลำตัวเช่นเดียวกับหนังของช้าง เส้นขนจะรวมกันเป็นกระจุกรอบๆปากทางด้านล่างขนรอบปากมีส่วนช่วยในการรับความรู้สึกขณะที่พะยูนหาอาหารและอาจใช้ค้นหาหรือคัดเลือกอาหารด้วย
สีผิว : พะยูนมีผิวสีน้ำตาลปนเทา บริเวณด้านบนของลำตัวเช่น หัว คอ ด้านบนของขาคู่หน้าและแพนหางจะมีสีเข้มกว่าทางด้านล่าง
ตา : ตาพะยูนมีขนาดเล็กอยู่ 2 ข้างของส่วนหัว สามารถรับภาพได้ดีทั้งในน้ำและบนบก ตลอดจนสามารถมองเห็นได้ดีในขณะที่มีแสงน้อย พะยูนมีหนังตาบางๆเปิดปิดได้ เมื่อพะยูนอยู่เหนือน้ำนานๆจะขับเกลือแร่ออกจากร่างกายเพื่อรักษาระดับความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย โดยเกลือแร่ส่วนเกินจะถูกขับออกมาในรูปของน้ำเมือกออกมาทางลูกตา จึงคล้ายกับพะยูนมีการร้องไห้เมื่อถูกจับได้
หู : หูของพะยูนมีขนาดเล็กและไม่มีใบหู มีลักษณะเป็นรูเปิดเล็กๆอยู่ 2 ข้างของหัวหลังลูกตา หูพะยูนสามารถรับเสียงได้ดีเมื่ออยู่ใต้น้ำ ซึ่งพะยูนเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีการติดต่อสื่อสารกันใต้น้ำ
จมูก : จมูกของพะยูนอยู่ปลายสุดทางส่วนบนของหัวมีจำนวน 2 รู รูเปิดของจมูกมีแผ่นเยื้อหนาเปิดและปิดได้สนิทเมื่อดำอยู่ใต้น้ำ รูจมูกจะถูกปิดขณะดำน้ำและเปิดออกเมื่อโผล่ขึ้นมาหายใจ ในขณะที่พะยูนโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือน้ำจะโผล่เพียงส่วนจมูก ลำตัวส่วนอื่นๆจะจมอยู่ใต้น้ำตลอดเวลา ตำแหน่งของรูจมูกจะช่วยให้พะยูนโผล่ขึ้นมาเฉพาะส่วนบนของหัวเท่านั้น การหายใจใช้เวลาเร็วมากเวลาโผล่ขึ้นมาพ่นอากาศออกและสูดอากาศใหม่เข้าไปจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติของ Haemoglobin ในเซลเม็ดเลือดแดงของพะยูนพบว่ามีคุณสมบัติพิเศษในการดึงเอาออกซิเจนได้อย่างรวดเร็ว พบว่าพะยูนจะมีปัญหายุ่งยากในการหายใจเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในทะเลที่มีคลื่นลมแรง เพราะพะยูนโผล่ส่วนหัวขึ้นมาหายใจจากน้ำเพียง 3 – 4 เซนติเมตรคลื่นจะทำให้พะยูนพยายามโผล่ขึ้นมามากกว่านั้นเพื่อไม่ให้สำลักน้ำทะเลเวลาหายใจพะยูนจึงต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิม ในออสเตรเลียมีนักวิทยาศาสตร์เคยวัดเวลาดำน้ำนานที่สุดของพะยูนที่นำมาเลี้ยงคือ 8 นาที 26 วินาที ในทะเลเวลาดำน้ำเฉลี่ยประมาณ 1 นาที 30 วินาทีและเคยวัดเวลาที่ดำน้ำนานที่สุดในทะเลประมาณ 6 นาที 40 วินาที
ปาก : ปากของพะยูนจะอยู่ทางด้านล่างของส่วนหน้า ริมฝีปากบนเป็นก้อนเนื้อใหญ่และหนาลักษณะเป็นเหลี่ยมทู่ๆคล้ายจมูกหมู (snout) กล้ามเนื้อสามารถบังคับได้ดี ใช้ช่วยในการรวบหญ้าเข้าปากในการกินอาหารได้ดีเยี่ยม เพดานปากล่างมีลักษณะพิเศษเป็นแท่งกระดูกอ่อนหุ้มด้วยเนื้อเยื่อนิ่ม ช่วยในการขุดไถดินทรายเพื่อกินหญ้าทะเล
ฟัน : ฟันของพะยูนมีจำนวนเท่ากันและมีลักษณะเหมือนกันทั้งขากรรไกรบนและล่าง แต่จะมีฟันลักษณะคล้ายงาอยู่ตรงปลายหน้าสุดเฉพาะขากรรไกรบน จะมี 2 คู่ในวัยเด็กคู่นอกเล็กกว่าและถูกย่อยสลายไปเมื่อพะยูนมีอายุมากขึ้น คู่ที่เหลือจะโตขึ้นเรียกว่างา จะงอกโผล่ออกมาในพะยูนเพศผู้ที่มีอายุมากๆส่วนเพศเมียจะยังคงฝังอยู่ใต้แผ่นหนัง ฟันที่ขากรรไกรของพะยูนจะขึ้นไม่พร้อมกัน ชุดแรกพบในพะยูนวัยเด็กและสึกกร่อนไปเมื่อโตขึ้น ถัดไปเป็นฟันบด (Premolar) อีก 3 คู่ ฟันบดคู่หน้าจะสึกกร่อนไปและหลุดร่วงไป ฟันบดคู่ในจะขยายเป็นฟันกรามและฟันกรามคู่ที่ 1 เริ่มงอกอยู่ในสุดของขากรรไกร พะยูนที่อายุมากๆฟันกรามคู่ที่ 4 และคู่ที่ 1 จะหลุดร่วงหรือสลายไปเหลือเพียงฟันกรามคู่ที่ 2 และ 3 เพียง 2 คู่เท่านั้น ดังนั้นพะยูนที่มีอายุน้อยจะมีฟัน 4-5 คู่ พะยูนขนาดกลางจะมีฟันอยู่ 3 คู่และในพะยูนที่มีขนาดใหญ่อายุมากๆจะมีฟันอยู่เพียง 2 คู่เท่านั้น
ขาพะยูน : ขาคู่หน้าแต่ละข้างมี 5 นิ้ว พัฒนารูปร่างเรียงติดกันมีลักษณะคล้ายใบพายและไม่มีขาหลัง ขาคู่หน้าของพะยูนไม่ได้ช่วยในการว่ายน้ำมากนัก ขณะที่พะยูนว่ายน้ำเร็วๆขาคู่หน้าจะแนบติดไปกับด้านข้างของลำตัว แต่ขาคู่หน้าส่วนใหญ่จะใช้ในการพุ้ยน้ำเวลาว่ายน้ำหรือใช้เดินแทนเท้าขณะคืบคลานไปตามพื้นเพื่อหาอาหารและทำหน้าที่กอบอาหารเข้าปาก ขาคู่หน้ายาวประมาณ 0.35 – 0.45 เมตร
เต้านม : เต้านมและหัวนมของพะยูนจะอยู่ตรงโคนขาคู่หน้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะพบได้ทั้งพะยูนเพศผู้และพะยูนเพศเมีย ในเพศเมียขณะที่ยังตัวเล็กอยู่หัวนมจะมีลักษณะเป็นติ่งเล็กๆและเมื่อพะยูนมีลูกอ่อนเต้านมและหัวนมจะขยายใหญ่ขึ้น
อวัยวะเพศ : เป็นการยากที่จะจำแนกเพศของพะยูนจากการดูอวัยวะเพศ เนื่องจากอวัยวะเพศของพะยูนเพศผู้จะซ่อนอยู่ภายในลำตัว แต่สามารถสังเกตได้จากระยะห่างระหว่างช่องก้นกับช่องเพศ โดยพะยูนเพศผู้ระยะห่างระหว่างช่องก้นกับช่องเพศจะอยู่ห่างกัน ส่วนในเพศเมียช่องก้นกับช่องเพศจะอยู่ชิดกันมาก นอกจากนั้นสามารถสังเกตได้จากลักษณะของเต้านมที่มีขนาดใหญ่และหัวนมยื่นยาวในพะยูนเพศเมียที่มีอายุมากๆหรือกำลังมีลูกอ่อน
แพนหาง : แพนหางของพะยูนแบนหกว้างแยกออกเป็น 2 แฉก ขนานกับพื้นในแนวราบ แพนหางไม่มีโครงกระดูกจะประกอบด้วยแผงกล้ามเนื้อและเอ็นยึดที่แข็งแรงใช้โบกขึ้นลงเพื่อว่ายน้ำเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ขนาดของแพนหางกว้างประมาณ 0.75-0.85 เมตร ลักษณะรูปร่างทั่วไปของพะยูน
ความแตกต่างระหว่างพะยูนกับมานาที?
ลักษณะที่แตกต่างระหว่างพะยูนและมานาทีอยู่ที่หาง
พะยูนจะมีหางเป็น 2 แฉก คล้ายกับหางของพวก Cetaceans เช่น ปลาวาฬและโลมา
คือตรงกลางมีลักษณะเป็นร่องหรือรอยบากและโคนหางจะแบนจากบนลงล่าง
ส่วนหางของมานาทีมีลักษณะกลมไม่มีรอยบากตรงกลางและโคนหางจะไม่แบนจากบนลงล่าง
ส่วนรูจมูกพะยูนจะมีรูจมูกอยู่บนส่วนยอดของริมฝีปากบนที่มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อใหญ่และหนาหรือ
Snout และเพศผู้มีงายื่นออกมาสามารถเห็นได้ชัด
แต่ในพวกมานาทีรูจมูกจะอยู่ตรงส่วนหน้าของ Snout
และในตัวเต็มวัยก็จะไม่มีงา ซึ่งมีเฉพาะพะยูนเท่านั้น Steller’s sea cow
ซึ่งเป็นวัวทะเลที่สูญพันธ์ไปแล้วก็ไม่มีงา
นอกจากนั้นพะยูนยังมีรูปร่างเพรียวมากกว่ามานาทีและจะไม่มีเล็บที่ขาคู่หน้าเหมือนกับมานาทีบางชนิด
(Jefferson et al., 1993)
และที่สำคัญมานาทีไม่สามารถพบในประเทศไทยได้จะพบได้ในทวีปอเมริกา และแอฟริกา
และที่สำคัญมานาทีไม่สามารถพบในประเทศไทยได้จะพบได้ในทวีปอเมริกา และแอฟริกา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น